NLP - เทคนิคใหม่ทางจิตวิทยา ช่วยสร้างความสำเร็จได้อย่างไร
NLP เชื่อว่า ปัญหาทางอารมณ์ของคนเรา เกิดจากการทำงานของระบบประสาทและจิตใจ ที่ไม่สอดคล้องกับเป้าหมาย เกิดจากการลง
โปรแกรม หรือปลูกฝัง หรือสั่งสมทางประสบการณ์ ผ่านจิตสำนึกและจิตใต้สำนึก ด้วยข้อมูลที่ไม่เป็นประโยชน์ แล้วถูกนำไปแปลความ
บนพื้นฐานความเชื่อที่ผิด ๆ แล้วจัดเก็บเป็นระบบความจำที่ไร้ระเบียบNLP พบว่า การทำงานของสมอง ความคิดหรือจิตใจ และการแสดง
ออกทางร่างกาย ล้วนเป็นเหตุเป็นผลและเชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบโดยใช้ภาษาเป็นเครื่องมือในการสั่งการหรือคิด
หากมีการฝึกใช้ชุดคำสั่งทางภาษาที่ถูกวิธี ภาษา หรือถ้อยคำสั้น ๆจะเป็นตัวสับไกก่อให้เกิดการกระทำทุก ๆ อย่าง ให้เป็นผลสำเร็จได้
อย่างน่ามหัศจรรย์
มารู้จักกับ NLP กันก่อน
เทคโนโลยีนี้ ได้พัฒนาขึ้นเมื่อประมาณ 30 ปีมาแล้ว โดยศาสตราจารย์ ริชาร์ด แบนด์เลอร์ และผู้ช่วย ดร. จอห์น กรินเดอร์
แห่งมหาวิทยาลัยซันตาครูซ ในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกาและโด่งดังเป็นพลุแตกในสหรัฐอเมริกา และแพร่ไปทั่วโลกอย่าง
รวดเร็ว
เป็นคำที่ใช้กันแพร่หลายในหมู่นักจิตวิทยาคลินิก นักจิตบำบัด
จิตแพทย์ นักพัฒนาศักยภาพ นักเจรจาต่อรอง นักการตลาด
นักขาย และนักพูดโน้มน้าวใจ
NLP ย่อมาจากคำว่า Neuro - Linguistic Programming
Neuro หมายถึง ระบบประสาทหรือระบบสมองเทคโนโลยี NLP ถือว่า มนุษย์รับรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัว ผ่าน ตา หู
จมูก ลิ้น และสัมผัส แล้วแปลความหมายผ่านกระบวนการคิดโดยจิตสำนึก และจิตใต้สำนึก แล้วกระบวนการคิดนี้ จะไปกระตุ้น
ให้ระบบประสาทหรือสมองทำงาน ก่อให้เกิดการแสดงออกทางอารมณ์และพฤติกรรม
Linguistic หมายถึง วิธีการที่มนุษย์ใช้ภาษาเป็นเครื่องมือในการตอบสนองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นการใช้ภาษาไปแปล
ความ แล้วสื่อความไปยังตัวเองและบุคคลอื่นเทคโนโลยี NLP พบว่า ถ้อยคำที่คุณคิดและพูด มีผลต่อพฤติกรรมของคุณโดยตรง
Programming หมายถึง กระบวนการปลูกฝังวิธีคิด วิธีใช้ภาษาและการเคลื่อนไหวทางร่างกาย เพื่อสร้างสภาวะจิตและรูปแบบ
การคิดใหม่ที่ทรงพลัง อันจะส่งผลต่อการแสดงออกทางร่างกายที่ดีเลิศ เป็นการเปลี่ยนโครงสร้างการคิดและอารมณ์
ในรูปแบบใหม่ ที่จะก่อให้เกิดผลลัพธ์ยอดเยี่ยมในทุก ๆ ด้านของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจ การแก้ปัญหา การเรียนรู้
การประเมินค่า และเพิ่มประสิทธิภาพความจำ เปรียบเสมือนการลบโปรแกรมตัวตนคนเดิมที่ไม่มีประสิทธิภาพออกไป แล้ว
ลงโปรแกรมใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมลงในสมอง
หากจะนิยาม NLP เสียใหม่ ให้สั้น เป็นข้อ ๆ ได้แก่
1. ศิลปะและศาสตร์ในการติดต่อสื่อสารแบบหวังผลเลิศ
2. กุญแจแห่งการเรียนรู้ที่ทรงพลัง
3. เคล็ดลับสู่เป้าหมายสำหรับทุก ๆ สิ่งที่ต้องการในชีวิต
4. คู่มือสำหรับพัฒนาระบบการคิด ระบบประสาทและสมอง
5. เคล็ดลับสู่ความสำเร็จชั่วข้ามคืน
6. เทคโนโลยีผ่าตัดพฤติกรรมด้านลบ และสร้างตัวตนใหม่
เทคโนโลยี NLP จะกล่าวถึงหลัก ๆ ดังนี้
1. วิธีการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี
ระหว่างคุณกับคนรอบข้าง หรือเรียนรู้วิธีสร้างมิตรภาพกับกลุ่มคนที่คุณอยากจะเป็นพวกเดียวกัน และเรียนรู้วิธี
ปฏิเสธที่นิ่มนวลในทุกสถานการณ์ คุณจะเรียนรู้ภาษากาย เพื่อเข้าถึงจิตใจและอารมณ์ของคนที่ต้องการจะ
ติดต่อสัมพันธ์ด้วย
2. การใช้ประสาทสัมผัส
เพื่อล้วงรู้อารมณ์และจิตใจของบุคคลอื่น ทันทีที่คุณได้เห็น สีบ้าน อาหารที่คนอื่นรับประทาน เสื้อผ้าที่สวมใส่
เสียงที่พูด หรือกลิ่นน้ำหอมที่ใช้ ก็สามารถเข้าใจคน ๆนั้นได้ทะลุปรุโปร่ง
3. วิธีการคิดแบบหวังผลลัพธ์
เป็นวิธีการตัดสินใจอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นการวางแผนที่ไม่มีวันล้มเหลว
4. การยืดหยุ่นกับวิธีการเพื่อบรรลุเป้าหมาย
หากคุณทำบางสิ่งบางอย่างไม่ได้ผล หมายความว่า คุณต้องเปลี่ยนวิธีการไปเรื่อย ๆ คุณจะเรียนรู้เทคนิคความสำเร็จ
โดยวิธีการถอดแบบอย่างเป็นขั้นตอน จากคนที่ประสบความสำเร็จในอดีต
5. การสะกดจิตตนเอง
เทคโนโลยี NLP มีความโดดเด่นในเรื่อง การสะกดจิตตนเอง เพื่อเป็นคนใหม่ เช่น การเลิกบุหรี่ เลิกติดสุรา
ลดความอ้วน เลิกนิสัยผลัดวันประกันพรุ่ง สามารถทำได้สำเร็จภายในเวลาเพียง 1 ชั่วโมง ด้วยวิธีการง่าย ๆ และ
เป็นการเปลี่ยนอย่างถาวร
6. รูปแบบพฤติกรรม
ชุดปฏิกิริยาที่ระบบประสาทออกคำสั่งให้ร่างกายทุกส่วนทำงานให้สอดคล้องกับความคิด เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์
ทางอารมณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงใดช่วงหนึ่ง เช่น คนโกรธจะมีอารมณ์แบบหนึ่ง ก็จะมีชุดปฏิกิริยาเกิดขึ้นทางร่างกาย
เป็นการเฉพาะ เช่น หัวใจเต้นแรง กล้ามเนื้อเกร็งหายใจถี่ ความดันโลหิตสูง กระเพาะบีบรัด หายใจสั้น
ไม่ทั่วท้อง ขณะที่คนดีใจ หรือมีความสุข ก็จะมีชุดปฏิกิริยาอีกแบบหนึ่ง ซึ่งไม่เหมือนกัน NLP จะสอนให้
ควบคุม แก้ไข และพัฒนาอารมณ์ทุก ๆ อย่าง ให้ทำงานตามที่ต้องการ
NLP ถูกนำไปใช้ในการรักษา ผู้ป่วยทางจิต หรือการบำบัดผู้มีอาการทางอารมณ์ในระดับต่าง ๆ ผู้สิ้นหวัง เด็กเรียน
หนังสือไม่เก่ง ผลการเรียนตกต่ำ นักกีฬาอาชีพที่มีผลงานไม่ดีอาการนอนไม่หลับ เครียด ทำงานไม่มีประสิทธิภาพ คน
ล้มเหลวทางธุรกิจ คนขาดเป้าหมายในชีวิต เป็นต้น และมีการนำไปใช้ในการประกอบธุรกิจ การตัดสินใจ การกีฬา การทำงาน
การเงิน การรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ผู้ที่ต้องการสร้างผลงานที่โดดเด่นเป็นเลิศ และอื่น ๆ
ในที่นี้ จะขอยกตัวอย่างสัก 2 เรื่อง พอสังเขปเท่านั้น
1. เคล็ดลับสำคัญเรื่องความเชื่อ
เมื่อคุณไม่เชื่อว่าตัวเองมีความสามารถ ก็จะไม่มีความมั่นใจ
เมื่อไม่มีความมั่นใจ ก็อย่าหวังว่าจะมีพลังที่จะทำสิ่งใด
ความเชื่อ เป็นตัวกำหนดความคิด ความรู้สึก การกระทำทุกอย่าง
ตั้งแต่ตื่นจนเข้านอน กำหนดการกิน การเดิน การนั่ง การใช้ชีวิต
การออกกำลังกายทุก ๆ อย่าง
หากต้องการมีชีวิตที่ประสบความสำเร็จมากขึ้น มีอิสระทางการเงิน
มากขึ้น และมีสุขภาพที่ดียิ่งขึ้น มีวิธีง่าย ๆ วิธีเดียว คือ ต้องเปลี่ยน
ความเชื่อ เมื่อคุณเปลี่ยนความเชื่อ คุณก็จะเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่าง
นั่นเอง
ขั้นตอนการเปลี่ยนความเชื่อ
1. ระบุให้ชัดว่า ความเชื่ออะไรที่จำกัดชีวิตคุณไว้ และคุณต้อง
การจะเปลี่ยน
2. ค้นหาความเชื่อในระดับจิตวิญญาณภายใน
3. จดบันทึกการเชื่อมโยงความเชื่อ
4. ระบุลักษณะความรู้สึกสงสัย
5. เปรียบเทียบความเชื่อกับความสงสัย
6. ทดสอบลักษณะภาพฉากต่อฉาก
7. ริเริ่มความเชื่อใหม่
8. ตรวจสอบความเชื่อ
สรุปขั้นตอนการเปลี่ยนความเชื่อ
1. แปลงความเชื่อเดิมที่ต้องการขจัดทิ้ง ให้กลายเป็นความสงสัย
2. ปลูกฝังความเชื่อใหม่ทับลงไปในความเชื่อเดิมทันที
3. ทำลายความเชื่อเดิม ขยายภาพความเชื่อใหม่
2 วิธีขจัดภาพฝังใจที่ไม่พึงประสงค์
คุณเคยเป็นเช่นนี้ไหม เรื่องเลวร้ายในอดีต หรือเรื่องเยี่ยมยอดที่จำฝังใจ
เรื่องเลวร้ายในอดีตแล้วนำกลับมาคิดซ้ำ ๆ แม้เวลาจะล่วงเลยมานับสิบ ๆ ปี แล้วก็ตาม ทั้ง ๆ ที่ เราไม่อยากจะคิดถึงมัน
เหตุที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะ เรายังไม่รู้จักวิธีการควบคุมระบบความคิดนั่นเอง
ในทางกลับกัน เรารู้สึกถึงความเยี่ยมยอดของวันหยุดที่จะมาถึงในอีกไม่กี่วันนี้ ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ถึงวันนั้น แม้ว่าเมื่อถึงวันหยุดจริง ๆ
อาจจะไม่เยี่ยมยอดขนาดนั้นเลยก็ได้
แต่ละคนมักจะมีพฤติกรรมขัดแย้งกันเองโดยไม่รู้ตัว ทำให้ไม่สามารถเปล่งศักยภาพที่ซ่อนอยู่ภายในได้อย่างเต็มที่ บางครั้งร่างกายบาง
ส่วนไม่ตอบสนองเอาดื้อ ๆ เช่น คนกลัวพูดในที่ประชุม ทันทีที่ยืนหน้าไมโครโฟน อาการขาสั่นมือไม้เกะกะจะเกิดขึ้นทันที ขณะที่
บางคนเปล่งเสียงแปลก ๆ จนขำตัวเอง ก็มีให้เห็น หรือแม้กระทั่งนักกีฬามืออาชีพที่ผ่านสนามมานักต่อนักแล้ว อยู่ ๆ เมื่อถึงวันแข่งขัน
จริง บางครั้งเกิดความเครียดหมดเรี่ยวแรงจนต้องถอนตัวไปก็มีให้เห็นอยู่เสมอ ๆ
อาการทำนองนี้ นักประสาทวิทยาและนักพัฒนาศักยภาพบุคคลได้ร่วมกันศึกษาวิจัยมาไม่น้อยกว่า 3 ทศวรรษ พบว่า ส่วนใหญ่เกิด
จากพฤติกรรมความกลัว หรือกังวล ที่แฝงอยู่ในระบบความคิดที่ขัดแย้งกับสิ่งที่ต้องการทำ ภาพแห่งความกลัวหรือวิตกกังวลเหล่านั้น
ซุกซ่อนในจิตใต้สำนึกรอวันเปิดเผยออกมาเมื่อเวลาสุกงอม และเรามักไม่รู้ตัวล่วงหน้า
หรืออาจจะเป็นการแสดงพฤติกรรมที่ขัดแย้งกันเอง เช่น ต้องการอ่านหนังสือสอบ ต้องการสอบผ่าน หรือสอบให้ได้คะแนนดี แต่
ขณะเดียวกันในใจก็วางแผนการทำกิจกรรมอื่นที่ทำให้โอกาสอ่านหนังสือลดน้อยลง หรือบางคนต้องการลดความอ้วน ขณะอยู่ใน
ขั้นตอนการลดอยู่นั้น ก็อดไม่ได้ที่จะกินอาหารเกินความต้องการตามที่เคยปฏิบัติจนเป็นนิสัย เห็นได้ว่า แต่ละคนจะมีพฤติกรรม
ขัดแย้งกันเองตลอดเวลา ซึ่งพฤติกรรมที่ขัดขวางเป้าหมายเหล่านี้เป็นภาพในอดีตที่ฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกด้วยความเคยชิน และหลบ
ซ่อนอยู่ แม้ว่าบางคนจะตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว ว่าจะไม่กลับไปมี
พฤติกรรมเช่นนั้นอีก แต่ทำได้เพียงชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้น
วิธีทำลายภาพในใจที่ไม่พึงประสงค์
1. ตรวจสอบพฤติกรรม ระบุ และจำแนกให้เด่นชัดว่า อะไรคือ
พฤติกรรมที่ขัดแย้งกัน
2. สร้างภาพพฤติกรรมที่ขัดขวางเป้าหมาย และแต่งเติมภาพ
เป้าหมายหลักขึ้นในใจให้ชัดเจน
3. นำภาพในฝ่ามือทั้งสองข้างมารวมกัน
หากใครฝึกฝนจนชำนาญ สามารถขจัดอารมณ์ด้านลบทุก ๆ อย่าง
ให้หายไป ภายในเวลาไม่กี่วินาที
การค้นพบบางอย่างของศาสตราจารย์ ริชาร์ด แบนด์เลอร์
ความสามารถในการเรียนรู้ของมนุษย์
ศาสตราจารย์ ริชาร์ด แบนด์เลอร์ ได้ใช้เวลาทั้งชีวิตค้นคว้าเรื่องนี้จนพบว่า มนุษย์มีความสามารถในการเรียนรู้อย่างน่าอัศจรรย์
ไร้ขอบเขต ไม่มีขีดจำกัด ไม่ขึ้นอยู่กับอายุ และสามารถเรียนรู้ได้รวดเร็วอย่างน่ากลัว มีสิ่งที่พึงระวังคือ ความสามารถนี้ครอบคลุม
ถึงการเรียนรู้ทั้งสิ่งดีและสิ่งไม่ดี
วิธีควบคุมสมองตนเอง เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่โดดเด่น
วิธีควบคุมสมองตนเอง มีขั้นตอนง่าย ๆ คือ หากต้องการความสำเร็จด้านใดก็ตาม คุณจะต้องขัดจังหวะพฤติกรรมเดิม ๆ เปลี่ยน
รูปแบบการใช้ชีวิตประจำวันเสียใหม่ แล้วทำสิ่งที่คุณสนใจอย่างหมกมุ่น ทุ่มเท ทำอย่างต่อเนื่องไม่หยุดนิ่ง ในที่สุดคุณจะสร้าง
ผลลัพธ์ที่โดดเด่นเหนือใคร ๆ นี่เป็นวิธีการแสนจะง่ายดายแต่ทรงพลัง
วิธีฝึกความจำสำหรับคนความจำแย่
ศาสตราจารย์ แบนด์เลอร์ เล่าให้ฟังว่า "หากคุณเป็นคนความจำแย่ หรือนึกอะไรไม่ค่อยออก คราวต่อไป หากต้องการจำสิ่งใด
ให้คิดถึงสิ่งนั้นแล้วตีกรอบไว้ด้วยเส้นหนาสีดำ ใช้เวลาสักสองสามวินาที นึกถึงเรื่องนั้นอยู่ในกรอบสีดำ แล้วจินตนาการว่า นำภาพ
ในกรอบสีดำนั้นไปใส่ไว้ในกระเป๋าสตางค์ แล้วดึงภาพเข้า ๆ ออก ๆทำซ้ำ ๆ สักห้าหรือหกครั้งในจินตนาการ ภายในเวลาเสี้ยววินาที
คุณก็จะจำสิ่งนั้นไม่มีวันลืม"
การปลูกฝังความเชื่อใหม่ สร้างกระบวนการคิดใหม่ และเรียนรู้ระบบความจำแบบใหม่
คุณสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงด้านใดก็ได้ ไม่มีข้อจำกัดไม่ว่าจะเป็นเรื่องการงาน การเรียน สุขภาพ การเงิน และความ
สัมพันธ์กับคนอื่น ๆ
ทั้งหมดนี้ คือการเปลี่ยนแปลงความเชื่อ ความคิด และความจำโดยการปลูกฝังความเชื่อใหม่ สร้างกระบวนการคิดใหม่ และ
เรียนรู้ระบบความจำแบบใหม่ ด้วยการเข้าควบคุมสมองของคุณเอง
การควบคุมสมองจะทำให้คุณสามารถเป็นคนใหม่ได้ ด้วยวิธีการง่าย ๆ เพียงแต่คุณเปลี่ยนความเชื่อ ความคิด และการกระทำ
คุณก็จะเปลี่ยนทุกอย่างได้ แล้วคุณจะกลายเป็นคนมีพลังอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย สามารถสร้างผลงานที่โดดเด่นที่ไม่คิดว่า
จะเป็นไปได้ มีชีวิตที่เหลือเชื่อ คุณจะสดใส มองเห็นอนาคตที่น่าตื่นเต้น มีคนรักมากขึ้น มีมิตรภาพที่ไม่มีวันหมดสิ้น แล้ว
ชีวิตก็จะเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ความเครียดความกลัว วิตกกังวล หดหู่ หรือเศร้าหมอง ก็จะอยู่ภายใต้การควบคุม
ของคุณและสามารถขจัดมันออกไปเมื่อไหร่ก็ได้
โดยสรุป :
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ เป็นการแนะนำในเบื้องต้นเท่านั้นว่า NLPเทคโนโลยีใหม่ทางจิตวิทยานี้คืออะไร และจะช่วยสร้างความ
สำเร็จได้อย่างไร และหากท่านสนใจ ขอเชิญศึกษาค้นคว้าต่อทั้งหนังสือภาษาไทย และต่างประเทศ เช่น สืบค้นจาก
www.google.co.th ก็มีชาวต่างประเทศเขียนหนังสือตำราไว้หลายเล่มด้วยกัน และยังมีบทเรียนในเรื่องนี้ให้ได้ศึกษาฟรีก็มี
ก็จะสามารถนำเทคโนโลยีนี้ไปปฏิบัติให้ได้ผลดี เพื่อตัวท่านเองหรือบุตรหลานของท่านได้
-----------------------------------------------------------
คัดย่อจาก : หนังสือ NLP ภาษา สมอง มหัศจรรย์ เทคโนโลยี
สร้างความสำเร็จชั่วข้ามคืน, วิศิษฐ์ ศรีพิบูลย์, สำนักพิมพ์ บานานา
สวีท, พิมพ์ครั้งที่ 3 กรกฎาคม 2551